เวลาเราเรียกกันว่า พายุทอร์นาโด น่าจะเป็นคำคุ้นเคยกันอย่างมาก แต่จริงๆ แล้วพายุแบบนี้ก็มีลักษณะที่มาต่างกับแบบอื่นๆ เช่นกัน ซึ่งเราจะเห็นว่าพายุทอร์นาโดมักไม่ค่อยเกิดกับประเทศทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากนัก แต่จะไปเกิดกับประเทศแถบสหรัฐฯ มากกว่า ลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับพายุทอร์นาโดกันว่ามีความลักษณะและรายละเอียดต่างๆ เป็นอย่างไร รับรองว่าน่าสนใจกับความรู้เหล่านี้แน่นอน
พายุทอร์นาโด หรือในภาษาไทยจะเรียกว่า ลมงวงช้าง มีลักษณะเป็นพายุหมุนมีพลังทำลายล้างสูงสุดในบรรดาสิ่งที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติประเภทพายุ ทอร์นาโดเกิดจากการหมุนของอากาศภายใต้ฐานเมฆคิวมูโลนิมบัส หรือเมฆแบบฟ้าคะนอง คล้ายภูเขา เป็นเมฆที่แสดงออกถึงสภาวะอากาศไม่ค่อยดี มีฝนตกฟ้าคะนองอย่างรุนแรงจนกลายเป็นทอร์นาโด ฐานเมฆจะย้อยตัวลงมาจนมีลักษณะเหมือนกับรูปงวงหรือรูปกรวย การเคลื่อนจะไปเป็นวงแบบบิดเกลียว เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 200-300 หลา ความเร็วลมศูนย์กลางประมาณ 100-300 ไมล์ต่อชั่วโมง
จะเคลื่อนตัวไปทางเดียวกับเมฆด้านบนที่มีความเร็วประมาณ 20-30 ไมล์ต่อชั่วโมง ทอร์นาโดนี้มักเกิดขึ้นในบริเวณมวลอากาศมีความชื้นและอุณหภูมิต่างกันมาเจอกัน ยิ่งถ้าความชื้นกับอุณหภูมิต่างกันมากขนาดไหนการเกิดแรงปะทะก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากมวลอากาศจำเป็นต้องรับภาวะเพื่อให้เกิดความสมดุล บริเวณที่เรียกว่า ช่องทางทอร์นาโด จึงกลายเป็นพื้นที่ของการปะทะกันระหว่างอุณหภูมิกับความชื้น เป็นการปะทะกันของมวลอากาศรุนแรงที่สุดก็ว่าได้ มีกระแสลมเย็นแห้งจากทิศตะวันตกผ่านมายังทิศตะวันออก ส่วนเมื่ออากาศอุ่นชื้นพัดผ่านแล้วเจอกันอากาศอุ่นชื้นจะลอยตัวสูงขึ้น อากาศเย็นแห้งจะลอยตัวต่ำลง เมฆจะปกคลุมไปทั้งบริเวณ ถ้าความชื้นอากาศเยอะก็เพียงพอต่อการเกิดฝนฟ้าคะนองได้ ปกติแล้วพายุทอร์นาโดจะเกิดขึ้นในตอนเกิดฝนฟ้าคะนอง เพราะอากาศเย็นแห้งชื้นอบอุ่นมากเพียงพอจึงไม่ได้ลอยต่ำส่วนอากาศร้อนเบื้องล่างก็ลอยตัวขึ้นไปไม่ได้ ทำให้รู้สึกเหมือนโดนอัดไว้ในขวด พออากาศข้างบนเปลี่ยน แรงดันอัดนี้ก็จะพุ่งจนกลายเป็นความน่ากลัวเหมือนลมงวงช้างนั่นเอง
อย่างที่กล่าวไปว่าทอร์นาโดมักจะเกิดขึ้นแถบสหรัฐฯ ออสเตรเลีย เนื่องจากลักษณะภูมิอากาศตรงกับรายละเอียดข้างต้นจนทำให้สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย เป็นความรู้อีกรูปแบบซึ่งสามารถทำความเข้าใจกับพายุทอร์นาโดไม่ยาก แต่เป็นเรื่องอันตรายที่ควรรู้เอาไว้ไม่น้อยเพราะมันทำลายสร้างความเสียหายแบบไม่ยั้ง ดังนั้นเมื่อเห็นความไม่ปกติให้รีบจัดการตนเองก่อนลำดับแรก
No Comments